วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อยู่เย็นเป็นสุข


.....เมื่อใจเป็นสมาธิอยู่กลางกายแล้ว 
เราย่อมอยู่เย็นเป็นสุขคือเย็นกายเย็นใจอยู่ภายใน 
การฝึกเช่นนี้จะทำให้เราเป็นสุขทั้งหลับ ทั้งตื่น 
หลับก็ง่าย ไม่ฝันร้ายหรือไม่ฝันเลย 
ถ้าฝันจะฝันแต่เรื่องดีๆ มีสิริมงคล 
ยามใดที่ตื่นขึ้นมาก็เหมือนกับเราออกมาจากแหล่งแห่งความบริสุทธิ์
แหล่งแห่งความสุขอันไม่มีประมาณแหล่งแห่งดวงปัญญาที่ไม่มีขอบเขต
และแหล่งแห่งกำลังใจที่ไม่สิ้นสุดสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น 
พร้อมกับการที่เราลืมตาตื่นขึ้นมา
ตะวันธรรม 11 ธันงวาคม 2548

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อะไรคือความสูญเสีย......ที่น่ากลัวที่สุด

...............^_^  การเจอปัญหา อุปสรรค และการกระทบกระทั่ง บนเส้นทางการสร้างบารมีเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเพื่อนนักสร้างบารมีก็ยัง ไม่มีใครหมดกิเลส และต่างมีข้อบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น เพราะหากไม่มีข้อบกพร่องหรือบรรลุเป็นพระอรหันต์หมดกิเลสแล้ว จะมาเข้าวัดเพื่อขัดเกลากิเลส สร้างบารมีกันไปทำไม
               ดังนั้น เราต้องอยู่บนเส้นทางนี้ด้วยความเข้าใจ ให้อภัยและคิดปรับปรุงข้อบกพร่องของตัวเองตลอดเวลา เพราะเรามีเวลาอยู่บนโลกนี้อย่างจำกัด อย่ามัวเอาเวลาไปนั่งคิดถึงเหตุผลที่จะทำให้เรายุติการสร้างบารมี เลิกไปวัด หรือหยุดงานบุญที่ทำ และที่สำคัญไม่มีใครสามารถตัดรอนการสร้างบารมีของเราได้มากเท่ากับการที่เราตัดรอนการสร้างบารมีของตัวเราเอง ด้วยการน้อยใจ ด้วยความไม่อดทน หรือทิฐิมานะที่เกิดจากใจของเราเอง

                
         หากเรามองโลกไปตามความเป็นจริง เราจะพบว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องเจออุปสรรค และด้วยวิบากกรรมเก่า บางคนถึงกับต้องสูญเสียอะไรหลายอย่าง เช่น เสียชื่อเสียง เสียเพื่อน เสียใจ เสียของเรา... แต่จงจำไว้ว่า จะสูญเสียอะไรก็เสียไป แต่อย่าทำให้ตัวเองสูญเสียโอกาสในการสร้างบารมี เพราะการสูญเสียสิ่งนี้ เป็นการสูญเสียที่น่ากลัวที่สุด เนื่องจากชีวิตจะตกอยู่ในภาวะวิกฤต คือ เราจะไม่ได้บุญอะไรเพิ่มเติมเลย ทั้งๆ ที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ก็เพื่อการสั่งสมบุญ และในเมื่อเราต้องใช้บุญทุกวัน หากไม่สร้างเพิ่ม พอบุญหย่อน ชีวิตก็จะตกระกำลำบาก แบบข้ามภพข้ามชาติ 
               ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร จงสู้ และให้หมั่นถาม ตัวเองบ่อยๆ ว่า เราสร้างบารมีในหน้าที่ของเราเต็มที่หรือยัง เพราะการทำอย่างเต็มที่ แท้จริงแล้วก็ไม่ได้ทำเพื่อใครอื่นเลยแต่เป็นการทำให้ตัวเรามีบุญในปริมาณมากพอที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ราบรื่น มีความสุขในปัจจุบัน และเพียงพอที่จะรองรับการบรรลุมรรคผลนิพพานของตัวเราเองในชาติสุดท้าย....

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประมวลภาพพิธีบรรพชาโครงการอุปสมบทหมู่รุ่นเข้าพรรษา ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย ณ วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี

พิธีกรรมในช่วงเช้าของโครงการอุปสมบทหมู่รุ่นเข้าพรรษา ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย ในวันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๔
                    


วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บวชทำไม ?

บวชทำไม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงออกบวช เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง สลัดตนให้พ้นจากความทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ด้วยการบำเพ็ญสมณธรรม และเมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว ก็เสด็จออกโปรดสรรพสัตว์ให้บรรลุธรรมตามพระองค์ไปด้วย
        อีกทั้งการบวชยังเป็นเพศภาวะที่เอื้อต่อการทำความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ ให้เกิดขึ้นกับตัวเองมากที่สุด เพราะต้องรักษาศีลมากถึง 227 ข้อ และมีสภาพที่เหมาะต่อการปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ เจริญภาวนา ทำให้มีโอกาสบรรลุธรรมขั้นสููง จนหมดกิเลสเข้าถึงนิพพานได้ง่ายกว่าเพศคฤหัสถ์ หรือปุถุชนคนธรรมดา
        แม้เราอาจคิดว่า คนธรรมดาๆ อย่างเรา ถึงจะบวชก็ไม่สามารถบรรลุธรรมหมดกิเลสเข้านิพพานได้ในชาตินี้หรอก แต่อย่าลืมว่าผลบุญจากการบวช ก็ไม่ได้สูญหายไปไหนเลย ตรงกันข้ามกลับถูกสั่งสมเป็นบารมี ไว้เป็นต้นทุนในการบวช เพื่อบรรลุธรรมในภพชาติต่อๆไป เหมือนพระบรมศาสดา กว่าพระองค์จะหมดกิเลสได้ ต้องบำเพ็ญบารมีมาอย่างยาวนาน ถึง 20 อสงไขย กับแสนมหากัป..