ข้อคิดรอบตัว
เรื่อง : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ
การสวดมนต์แบบออกเสียงกับไม่ออกเสียงอย่างไหนได้บุญมากกว่ากัน
ถ้าสถานที่เหมาะสมสวดออกเสียงดีกว่า จะทำอะไรก็ตาม ถ้าอยู่ในใจก็แค่แรงระดับหนึ่ง ถ้าพูด ออกมาจะแรงเพิ่มขึ้น ถ้าลงมือทำก็หนักขึ้นไปอีก อย่างเช่น คิดจะทำร้ายคนอื่นก็ส่งผลลัพธ์แค่ใจชักจะไม่ดี ถ้าพูดว่าฉันจะเล่นงานแก ผลจะหนักขึ้น แต่ พอลงมือทำร้ายผลจะออกมาแรงที่สุด เพราะฉะนั้น การสวดมนต์ก็เหมือนกัน ออกเสียงดีกว่า
อาตมาเคยมีประสบการณ์ตอนเรียนอยู่คณะ แพทย์ ปกติจะเป็นคนค่อนข้างจะอารมณ์ดี เพราะเข้าวัดตั้งแต่มัธยมปลาย แต่มีอยู่คราวหนึ่งเพื่อนไม่รักษาคำพูด ทำให้เสียหายมาก อาตมารู้สึกโกรธเลยไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า เสร็จแล้วเช็กใจตัวเองดู ปรากฏว่าความโกรธหายไปประมาณ ๗๐-๘๐ % แต่ ยังเหลืออีกตั้ง ๒๐-๓๐ เปอร์เซ็นต์ เลยเริ่มสวดใหม่อีก ๑ รอบ เช็กใจตัวเองดู ความโกรธหายไปประมาณ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ เหลืออีกนิดหน่อย ปรากฏว่าพอเลิกสวดมนต์ เพื่อนที่ก่อเรื่องมาขอโทษโดยชวนไปเลี้ยงข้าว ตอนนั้นยิ้มออกแล้ว เพราะหายโกรธไป ๙๕ % แล้ว ทุกอย่างก็เลยดี
เพราะฉะนั้น บ้านไหนแม่บ้านอยากให้พ่อบ้าน กลับบ้านตรงเวลาและครอบครัวสงบ อบอุ่น ร่มเย็น ลองสวดมนต์ดู มีบ้านหนึ่งพ่อบ้านเลิกงานแล้วไม่ค่อยกลับบ้าน ทำให้มีปัญหาในครอบครัว แม่บ้านเลยไปกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น พระอาจารย์ให้พระเครื่องมาองค์หนึ่ง แล้ว บอกว่า เวลาพ่อบ้านกลับบ้านให้แม่บ้านเอาพระขึ้น มาอมเลย จะมีเมตตามหานิยม แม่บ้านก็ทำตาม พอพ่อบ้านเปิดประตูรั้วปั๊บ เอาพระใส่ปากอมเลย พออมพระอยู่ในปากแล้วจะพูดไม่ถนัด ปกติแม่บ้าน บ่นจนพ่อบ้านรำคาญ เลยไม่อยากจะกลับบ้าน พอ เลิกบ่นพ่อบ้านก็รู้สึกสบายใจ บรรยากาศก็ดีขึ้น นี่แค่หยุดพูดในทางไม่ดีนะ แต่ถ้าเมื่อไรรวมพลังสวดมนต์ ทำความดีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูกผลคือบรรยากาศในบ้านจะอบอุ่นและสงบร่มเย็น ทุกอย่างจะดีขึ้นจากพลังเสียงสวดมนต์ของทุกคน ในบ้าน
สำหรับผู้ที่เริ่มสวดมนต์จะเลือกสวดบทไหนดี
ถ้าเป็นเด็ก ๆ ก็ให้สวด อะระหัง สัมมา... ที่เขาสวดหน้าเสาธงก่อนเข้าเรียน แล้วก็ต่อด้วย นะโม ตัสสะ... ถ้าขึ้นชั้นประถมปลายควรจะให้สวด อิติปิ โส... ได้แล้ว ถ้าขึ้นมัธยมแล้ว อยากให้สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นให้ได้ ถ้าสวดไม่เป็นให้เปิด DMC ดู หรือว่า UBC 104 ก็ได้ ช่วงที่มีการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น จะมีตัวหนังสือที่หน้าจอด้วย มีเสียงด้วย เราก็สวดไปพร้อม ๆ กันทุกวัน ไม่เกิน ๑ เดือน สวดได้ ไม่ยากเลย แล้วได้ผลดีมาก
เวลาที่เราสวดมนต์หรือเวลาพระท่านสวดนานเป็นสิบๆ
นาที
ถ้าเราทำสมาธิแล้วฟังด้วยใจที่สงบ บุญมหาศาลเลย... |
การสวดมนต์มีที่มาจากไหน อย่างไร
การสวดมนต์เริ่มต้นมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ซึ่งยังไม่มีการบันทึกคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นลายลักษณ์อักษร สมัยก่อนใช้วิธีการที่เรียกว่า "มุขปาฐะ" คือ การท่องจำ เวลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนอะไรไว้ พระภิกษุก็จะท่องจำ แล้ว บอกต่อ ๆ กันไป ดังนั้น การสวดมนต์ก็คือการสาธยายธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้ เป็นการมาทบทวน เพราะถ้าไม่ทวนบ่อย ๆ ก็จะลืม และถ้าเป็นหัวข้อธรรมที่สำคัญ ๆ ก็ยิ่งต้องท่องกันบ่อย ๆ ส่วนหัวข้อธรรมที่นาน ๆ จะใช้สักครั้ง ก็แบ่งหน้าที่กันว่าพระภิกษุรูปไหนจะท่องจำหัวข้อธรรมอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องหลัก ๆ เช่น คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การพิจารณาความไม่เที่ยงอนัตตา ความทุกข์ ฯลฯ ก็จะมีการทบทวนสม่ำเสมอ โดยแปลงมาเป็นการสวดมนต์ทำวัตร หรือเป็นบทสวดมนต์ของเด็ก ๆ ที่สวด อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา... คือ ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระ ธรรมคุณ พระสังฆคุณ เป็นพื้นฐานสำคัญ
นอกจากเป็นพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว
การสวดมนต์มีประโยชน์อะไรบ้าง
การสวดมนต์ถือว่าเป็นการเตรียมใจให้พร้อมเบื้องต้นสำหรับการทำ สมาธิก็ว่าได้ วิถีชาวพุทธที่ประกอบด้วยทาน ศีล ภาวนา คำว่า ภาวนา คลุม ทั้งสวดมนต์ ทั้งนั่งสมาธิอยู่ในตัว เพราะฉะนั้นการสวดมนต์ถือเป็นการภาวนาอย่างหนึ่ง มีอานิสงส์ทำให้ใจสงบ เป็นสมาธิ นี้ประการแรก ประการที่ ๒ การสวดมนต์เป็นทางมาแห่งบุญ เรียกว่า ภาวนามัย คือบุญที่เกิดจากการทำภาวนา ใครก็ตามที่สวดมนต์บ่อย ๆ เวลาจะเจอเหตุร้าย ก็จะแคล้วคลาดไป และสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้น โบราณบอกว่าเทวดาจะลงรักษา เพราะเทวดาเขาก็อยากได้ บุญ แต่เขาอยู่ในภาวะที่เป็นกายละเอียด ทำบุญเอง ไม่สะดวก ดังนั้นถ้าเขาอยากได้บุญ เขาจะดูว่าใคร ทำความดี เขาจะลงรักษา พอลงรักษาแล้วเวลาคนนั้นไปทำความดี เขาจะได้ส่วนบุญด้วยในฐานะเป็นผู้สนับสนุน สวดมนต์ยาวหรือสั้นได้บุญมากน้อยกว่ากันหรือไม่ ไม่ถึงขนาดกำหนดว่าสั้นยาวแค่ไหนจะได้ผลเท่าไร ถ้าสวดสม่ำเสมอและสวดด้วยใจที่สงบ บุญจะเกิด ยิ่งใจสงบมากเท่าไร บุญก็ยิ่งเกิดมาก ไปตามส่วน เด็กเล็ก ๆ ก็ให้หัดสวดสั้น ๆ ก่อน โตขึ้นก็สวดยาวขึ้น การสวดมนต์ยังเป็นการทบทวนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย แต่ไม่ถึงขนาดว่าระหว่าง สวดต้องคิดถึงคำสอนไปด้วย เน้นทำใจให้สงบ จะเป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ในระดับที่ลึกกว่า ไม่ต้องสวดไปด้วยและนึกว่าพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไปด้วย จะรบกวนความเป็นสมาธิ ให้สวดด้วยใจนิ่ง ๆ เพราะ การที่ใจนิ่งแล้วสวดมนต์ ความซาบซึ้งในพระรัตนตรัย จะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ สวดโดยทราบความหมายกับไม่ทราบความหมายให้ผลแตกต่างกันไหม ถ้าทราบความหมายก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่ทราบความหมายก็อย่าไปคิดว่าไม่ได้ประโยชน์ หรือ เวลาฟังพระสวด แม้เราไม่รู้ความหมาย แต่เราก็รู้ว่าท่านสวดบูชาพระรัตนตรัย แล้วก็มีนัยที่ดี ถ้าเรา ตั้งใจฟังคำสวดโดยทำใจนิ่ง ๆ สงบ ๆ เพียงเท่านี้ บุญเกิดขึ้นอย่างมหาศาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง เปรียบว่า การทำใจให้สงบแม้เพียงช่วงสั้น ๆ เพียง แค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น อานิสงส์มหาศาลยิ่งกว่า สร้างโบสถ์สร้างวิหารอีก เพราะฉะนั้น เวลาที่เราสวดมนต์ หรือเวลาพระท่านสวดนานเป็นสิบ ๆ นาที ถ้าเราทำสมาธิแล้วฟังด้วยใจที่สงบ บุญมหาศาลเลย เวลามีการสวดมนต์ในงานใดก็ตาม ขอให้ตั้งใจฟัง พนมมือหลับตาทำใจนิ่ง ๆ อยู่ที่กลางท้อง ระลึก ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง แล้วก็ฟังไป อย่างนี้ถูกหลักวิชา บุญกุศลจะเกิดขึ้นกับเราอย่างมหาศาล อย่าว่าแต่คนเลย ในอดีตมีค้างคาวได้ฟังธรรม แม้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ฟังแล้วซาบซึ้ง สบายใจ มีความสุข อานิสงส์ฟังพระสาธยายธรรมทำให้ค้างคาวไปเกิดเป็นเทวดา แค่ค้างคาวส่งใจไปตามกระแสเสียงสวดมนต์ของพระ บุญยังส่งผลให้ไปเป็นเทพบุตร ฉะนั้นอย่าดูเบาการสวดมนต์ ถ้าเราสวดเองด้วยยิ่งได้บุญทับทวีคูณ เป็นความจริงหรือไม่ที่ว่าถ้าแปลคำสวดมนต์แล้วจะทำให้ไม่ขลัง คงไม่ได้เกี่ยวกับขลังหรือไม่ขลัง แต่ภาษาบาลีเป็นภาษาที่เวลาสวดจังหวะจะเชื่อมต่อกันอย่างราบรื่น ถ้าจะสวดมนต์แปลสั้น ๆ ก็พอได้ แต่ถ้าแปลยาว ๆ สวดบาลียาวไปเลยดีกว่า จะช่วยการฝึกสมาธิของใจได้ดีกว่า เพราะจังหวะดีกว่าสวด คำแปลไปด้วย ยกเว้นบางบทสั้น ๆ ที่เราอยาก จะรู้ความหมายจริง ๆ จะแถมบทแปลไปด้วยก็ได้ แต่ว่าโดยภาพรวม ถ้าเป็นภาษาบาลีน่าจะดี ไม่เกี่ยว กับความขลัง แต่เกี่ยวกับความราบรื่นของใจที่สงบและเป็นสมาธิ แต่อย่างไรก็ตาม จะแปลหรือไม่แปล สวดย่อมดีกว่าไม่สวด มีนักวิจัยชาวตะวันตกวิจัยว่าการสวดมนต์ ช่วยรักษาสุขภาพได้ เรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไรบ้าง คนเราประกอบด้วยกายกับใจ ทั้ง ๒ ส่วน ส่งผลเนื่องกัน ถ้าตอนไหนเรามีเรื่องเครียด ไม่สบายใจ หลาย ๆ วันเข้าเรามีสิทธ์ที่จะไม่สบายได้ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ นอนไม่หลับ มีโรคนั้นโรคนี้มา ถ้าตอนไหนรู้สึกสบายใจ อารมณ์ดี รู้สึกมีสิ่ง ดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต หน้าตาผิวพรรณจะสดใส กาย กับใจจะส่งผลเนื่องกัน ขณะเดียวกันถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ป่วยนาน ๆ ใจก็ย่อมหดหู่ไปด้วย แต่ถ้าร่างกายแข็งแรง ใจเราจะมีโอกาสสดชื่นมากกว่า ทั้ง ๒ ส่วนส่งผลซึ่งกันและกัน ทีนี้การสวดมนต์ทำให้ ใจเรานิ่งสงบและสบายใจ พอสบายใจ ใจที่ได้สมดุล ย่อมนำไปสู่ภาวะร่างกายที่สมดุลด้วย จึงทำให้คนที่ สุขภาพดีอยู่แล้วดียิ่งขึ้น ถ้าหากป่วยไข้ไม่สบายก็จะทุเลาลง เรื่องของการสวดมนต์แต่ละศาสนา ถ้าดูในแง่วิทยาศาสตร์ มีความเหมือน หรือต่างกันอย่างไรบ้าง
มีผลการทดลองอันหนึ่งที่ น่าสนใจ คือ มี
นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ เขาทดลอง เอาน้ำมาทำให้เย็นจนกระทั่งแข็งตัวจับเป็นผลึก
แล้ว ทำให้เป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นรีบเอามาส่องกล้อง
จุลทรรศน์ดูว่าลักษณะผลึกน้ำเป็นอย่างไร แล้วเขาก็ทดลองนำน้ำจากแหล่งเดียวกันมาแยกเป็น
๒ ขวด แล้วพูดเพราะ ๆ กับน้ำขวดหนึ่ง อีกขวดหนึ่งพูดไม่ดีด้วย ใช้คำที่ร้าย ๆ
เช่น แย่ เลว ปรากฏว่าผลึกของน้ำแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่พูดเพราะ ๆ
ด้วยเป็นผลึก ๖ เหลี่ยม สวยงาม แต่ที่พูดไม่ดีด้วย ผลึกของน้ำไม่เป็นรูปเลย ราวกับว่าน้ำนั้นหัวใจสลาย
แม้แต่ข้าวก็เหมือนกัน หุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอาไปใส่ขวดโหล ๒ ขวด ปิดฝาไว้ แล้วพูดขอบคุณ ข้าวในขวดแรก แต่กับอีกขวดหนึ่งพูดไม่ดีด้วย พูด ว่าไอ้โง่ทุกวัน ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ข้าวในขวดที่ พูดเพราะ ๆ ด้วยมีสีเหลืองสวยงาม แต่อีกขวดเป็น สีดำ อีกภาพเป็นผลึกของน้ำจากเขื่อนฟูจิวาร่า ก่อนได้ฟังเสียงสวดมนต์ลักษณะของผลึกไม่เป็นรูปเลย แต่พอสวดมนต์ให้ฟังทุกวัน ปรากฏว่าผลึกมีรูปร่างสวยงาม นี่เป็นการทดลองวิทยาศาสตร์ซึ่ง สามารถทำซ้ำได้ ทำกี่ทีก็เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ร้อย ๆ พัน ๆ ปี แล้วฟลุกเกิดขึ้นทีหนึ่ง ถ้าใครมีกล้อง จุลทรรศน์ก็สามารถทดลองอย่างนี้ได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าถ้าเปิดเพลงจังหวะต่าง ๆ ให้น้ำฟัง ลักษณะของผลึกน้ำก็จะเปลี่ยนไปตามจังหวะเพลง ถ้าเป็นเพลงคลาสสิกลักษณะผลึกก็ค่อนข้างจะสวยงาม ถ้าเป็นเพลงที่ก้าวร้าวรุนแรง เหมือนยุให้คนไปทำร้ายกัน ผลึกก็จะไม่เป็นรูปเลย
คนทั่ว ๆ ไป สวดมนต์ใส่น้ำ
กับพระสงฆ์ สวดมนต์ใส่น้ำ ผลึกน้ำจะมีความแตกต่างกันไหม
ตรงนี้น่าสนใจ ถามว่า ข้าวก็ตาม น้ำก็ตาม มันรู้จักภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน ภาษาไทยด้วยหรือ ตอบว่าจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องภาษา แต่เป็นเรื่องของ กระแสใจ ตอนที่เราพูดว่าขอบคุณ จะใช้ภาษาไหน ก็ตาม กระแสใจที่ออกมาจะเป็นกระแสของความรู้สึก ที่ดี แต่ถ้าพูดว่าไอ้โง่ แม้จะพูดในการทดลองก็ตาม กระแสใจเริ่มเปลี่ยนแล้ว พอกระแสด้านลบออกมาซ้ำ ๆ กันทุกวัน ก็จะส่งผลให้ข้าวและน้ำที่แม้ไม่ รู้จักภาษาพูด แต่สามารถสัมผัสกระแสความรู้สึกที่ ออกไปได้ ทำให้กระแสนั้นไปส่งผลต่อลำดับโครงสร้าง โมเลกุลของน้ำ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ในข้าวได้ ดังนั้น ถ้าเราสวดมนต์ทุกวันด้วยความดื่มด่ำ ซาบซึ้ง ก็จะมีคลื่นที่ดีออกมาจากภายในให้กับตัวเราเอง สิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นในชีวิต เลือดหรือน้ำใน ตัวเราทั้งหมด ถ้านำไปส่องกล้องแล้วผลึกจะต้องสวยมาก ผิวพรรณวรรณะก็จะผ่องใส รูปร่างหน้าตา ก็จะดีขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราปรารถนาให้ตัวเรามีสุขภาพแข็งแรง มีความเบิกบานผ่องใสแล้วละก็ สวดมนต์เถิด เครื่องสำอางยี่ห้อไหนก็สู้ไม่ได้ ในแง่พระพุทธศาสนา การสวดมนต์มีอานิสงส์อย่างไรบ้าง คำว่าอานิสงส์มีความหมายคล้าย ๆ กับคำว่าประโยชน์ พอเราสวดมนต์ใจเราก็จะสงบและ เกิดบุญกุศลขึ้นมาหล่อเลี้ยงใจ แล้วจะดึงดูดสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา และเป็นการทบทวนคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ชีวิตเราจะดำเนินไป ทางบวก สุขภาพแข็งแรง จิตใจเบิกบานผ่องใส หน้าที่ การงานจะดี การเรียนและทุกอย่างจะดีไปเรื่อย ๆ มีเรื่องราวกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า มีเด็ก ๒ คนเป็นเพื่อนกัน อาศัยอยู่ในกรุงพาราณสี คนหนึ่ง อยู่ในครอบครัวชาวพุทธที่มีสัมมาทิฐิ อีกคนหนึ่งอยู่ในครอบครัวมิจฉาทิฐิ เวลาแข่งเล่นกีฬาตีคลี เด็กคนแรกจะสวดมนต์ก่อนสั้น ๆ ว่า นะโม- พุทธายะ แปลว่า ข้าพเจ้านอบน้อมแด่พระสัมมา-สัมพุทธเจ้า แต่อีกคนหนึ่งสวดบูชาพระพรหม เล่นกันทีไรเด็กคนแรกชนะตลอด จนเด็กคนหลังถามว่า เธอมีเคล็ดลับอะไร ทำไมชนะตลอด เด็กคนแรกก็เลยบอกว่า เธอต้องสวด นะโมพุทธายะ เด็กอีก คนไม่ได้รู้ถึงความสำคัญของคำว่า นะโมพุทธายะ แต่ก็สวด เพราะหวังว่าเวลาทำอะไรจะได้ประสบความสำเร็จ
มีอยู่คราวหนึ่ง เด็กคนหลังตามพ่อไปตัดไม้ในป่า โคที่เทียมเกวียนหนีไป พ่อเลยไปตามโคจนมืดก็ยังไม่กลับ
เด็กชักกลัวเลยหลบไปนอนใต้เกวียน ในป่านี้มียักษ์อยู่ ๒ ตน ตนหนึ่งไม่รังแกคน
อีกตน เจอคนก็จะรังแก บางครั้งก็เอามาเป็นอาหาร ยักษ์ทั้งคู่เห็นเกวียนก็ด้อม ๆ
มอง ๆ ดู ปรากฏว่าเจอเท้าเด็กโผล่ออกมา
ยักษ์ใจร้ายบอกว่าโชคดีได้เด็กเป็นอาหารแล้ว ยักษ์ใจดีบอกว่าอย่าไปยุ่งเลย
ไปหาผลไม้กินก็ได้ แต่ยักษ์ใจร้ายจะกินเด็ก เลยจับขาเด็กลากออกมา
เด็กตกใจรีบท่อง นะโมพุทธายะ ท่องเท่านั้นเอง ยักษ์รู้สึกว่าร้อนเหมือนจับเหล็กเผาไฟแดง
ๆ สะดุ้งคลายมือทันทีเลย และคิดว่าเด็กคนนี้มีบุญ
ถ้าเราไปทำร้ายเขาสงสัยบาปเกิดแน่ ๆ เลยขอโทษเด็ก แล้วก็เชื่อมให้เด็กกับพ่อเจอกันและ
กลับบ้านด้วยความปลอดภัย อานิสงส์แค่สวดมนต์อย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ สวดแค่สั้น
ๆ บุญยังเกิดขึ้นอย่างนี้เลย คนโบราณท่านรู้หลักนี้ เวลาเกิดอะไรขึ้น จะอุทานว่า
คุณพระช่วย คือนึกถึงพระรัตนตรัยก่อน ผูกใจไว้กับพระรัตนตรัยเลย เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี
ถ้าเราจับหลักได้อย่างปู่ย่าตายาย ผลดีจะเกิดขึ้นกับเราอย่างไม่น่าเชื่อ
|
คนไม่ค่อยมีเวลา จะสวดมนต์ตอนไหนดี
มีโยมอาจารย์คนหนึ่ง เขาสอนอยู่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขานอน วันละ ๔ ชั่วโมง เที่ยงคืนถึงตี ๔ ทุกวัน ตลอดมา ๒๐ กว่าปี เขามีงานเยอะมาก ๆ ทั้งสอนหนังสือ ทำวิจัย ทำงานบ้านทุกอย่าง ดูแลทุกเรื่อง แต่เขาสวดมนต์วันหนึ่งได้เป็นร้อยจบ สวด อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ... จบหนึ่งก็ราว ๓ นาที เวลาขึ้นรถไปมหาวิทยาลัยก็สวดมนต์ในใจ ไปเรื่อย ๆ ถ้าตอนไหนอยู่คนเดียวก็สวดเบา ๆ แทนที่จะปล่อย ให้คิดฟุ้งซ่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ สวดมนต์ ไปเรื่อย ๆ นี่เป็นตัวอย่างว่างานเยอะก็สวดมนต์ได้
เราเองในแต่ละวันมีเวลาที่ไร้สาระเยอะมาก ถ้าเอาเวลาเหล่านี้มาสวดมนต์ก็จะได้หลายรอบ แทนที่จะปล่อยใจไปคิดเรื่องอื่น อาบน้ำอยู่ก็สวดได้ ไม่บาป เพราะการระลึกถึงพระรัตนตรัยคือการแสดง ความเคารพ ล้างหน้า แปรงฟัน สวดได้หมด กินข้าวยังสวดได้เลย ทำอย่างนี้แล้วจะไม่มีคำพูดว่า ไม่มีเวลาสวดมนต์ ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม เพราะสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ
มีโยมอาจารย์คนหนึ่ง เขาสอนอยู่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขานอน วันละ ๔ ชั่วโมง เที่ยงคืนถึงตี ๔ ทุกวัน ตลอดมา ๒๐ กว่าปี เขามีงานเยอะมาก ๆ ทั้งสอนหนังสือ ทำวิจัย ทำงานบ้านทุกอย่าง ดูแลทุกเรื่อง แต่เขาสวดมนต์วันหนึ่งได้เป็นร้อยจบ สวด อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ... จบหนึ่งก็ราว ๓ นาที เวลาขึ้นรถไปมหาวิทยาลัยก็สวดมนต์ในใจ ไปเรื่อย ๆ ถ้าตอนไหนอยู่คนเดียวก็สวดเบา ๆ แทนที่จะปล่อย ให้คิดฟุ้งซ่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ สวดมนต์ ไปเรื่อย ๆ นี่เป็นตัวอย่างว่างานเยอะก็สวดมนต์ได้
เราเองในแต่ละวันมีเวลาที่ไร้สาระเยอะมาก ถ้าเอาเวลาเหล่านี้มาสวดมนต์ก็จะได้หลายรอบ แทนที่จะปล่อยใจไปคิดเรื่องอื่น อาบน้ำอยู่ก็สวดได้ ไม่บาป เพราะการระลึกถึงพระรัตนตรัยคือการแสดง ความเคารพ ล้างหน้า แปรงฟัน สวดได้หมด กินข้าวยังสวดได้เลย ทำอย่างนี้แล้วจะไม่มีคำพูดว่า ไม่มีเวลาสวดมนต์ ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม เพราะสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ
ถ้าสถานที่เหมาะสมสวดออกเสียงดีกว่า จะทำอะไรก็ตาม ถ้าอยู่ในใจก็แค่แรงระดับหนึ่ง ถ้าพูด ออกมาจะแรงเพิ่มขึ้น ถ้าลงมือทำก็หนักขึ้นไปอีก อย่างเช่น คิดจะทำร้ายคนอื่นก็ส่งผลลัพธ์แค่ใจชักจะไม่ดี ถ้าพูดว่าฉันจะเล่นงานแก ผลจะหนักขึ้น แต่ พอลงมือทำร้ายผลจะออกมาแรงที่สุด เพราะฉะนั้น การสวดมนต์ก็เหมือนกัน ออกเสียงดีกว่า
อาตมาเคยมีประสบการณ์ตอนเรียนอยู่คณะ แพทย์ ปกติจะเป็นคนค่อนข้างจะอารมณ์ดี เพราะเข้าวัดตั้งแต่มัธยมปลาย แต่มีอยู่คราวหนึ่งเพื่อนไม่รักษาคำพูด ทำให้เสียหายมาก อาตมารู้สึกโกรธเลยไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า เสร็จแล้วเช็กใจตัวเองดู ปรากฏว่าความโกรธหายไปประมาณ ๗๐-๘๐ % แต่ ยังเหลืออีกตั้ง ๒๐-๓๐ เปอร์เซ็นต์ เลยเริ่มสวดใหม่อีก ๑ รอบ เช็กใจตัวเองดู ความโกรธหายไปประมาณ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ เหลืออีกนิดหน่อย ปรากฏว่าพอเลิกสวดมนต์ เพื่อนที่ก่อเรื่องมาขอโทษโดยชวนไปเลี้ยงข้าว ตอนนั้นยิ้มออกแล้ว เพราะหายโกรธไป ๙๕ % แล้ว ทุกอย่างก็เลยดี
เพราะฉะนั้น บ้านไหนแม่บ้านอยากให้พ่อบ้าน กลับบ้านตรงเวลาและครอบครัวสงบ อบอุ่น ร่มเย็น ลองสวดมนต์ดู มีบ้านหนึ่งพ่อบ้านเลิกงานแล้วไม่ค่อยกลับบ้าน ทำให้มีปัญหาในครอบครัว แม่บ้านเลยไปกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น พระอาจารย์ให้พระเครื่องมาองค์หนึ่ง แล้ว บอกว่า เวลาพ่อบ้านกลับบ้านให้แม่บ้านเอาพระขึ้น มาอมเลย จะมีเมตตามหานิยม แม่บ้านก็ทำตาม พอพ่อบ้านเปิดประตูรั้วปั๊บ เอาพระใส่ปากอมเลย พออมพระอยู่ในปากแล้วจะพูดไม่ถนัด ปกติแม่บ้าน บ่นจนพ่อบ้านรำคาญ เลยไม่อยากจะกลับบ้าน พอ เลิกบ่นพ่อบ้านก็รู้สึกสบายใจ บรรยากาศก็ดีขึ้น นี่แค่หยุดพูดในทางไม่ดีนะ แต่ถ้าเมื่อไรรวมพลังสวดมนต์ ทำความดีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูกผลคือบรรยากาศในบ้านจะอบอุ่นและสงบร่มเย็น ทุกอย่างจะดีขึ้นจากพลังเสียงสวดมนต์ของทุกคน ในบ้าน
สำหรับผู้ที่เริ่มสวดมนต์จะเลือกสวดบทไหนดี
ถ้าเป็นเด็ก ๆ ก็ให้สวด อะระหัง สัมมา... ที่เขาสวดหน้าเสาธงก่อนเข้าเรียน แล้วก็ต่อด้วย นะโม ตัสสะ... ถ้าขึ้นชั้นประถมปลายควรจะให้สวด อิติปิ โส... ได้แล้ว ถ้าขึ้นมัธยมแล้ว อยากให้สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นให้ได้ ถ้าสวดไม่เป็นให้เปิด DMC ดู หรือว่า UBC 104 ก็ได้ ช่วงที่มีการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น จะมีตัวหนังสือที่หน้าจอด้วย มีเสียงด้วย เราก็สวดไปพร้อม ๆ กันทุกวัน ไม่เกิน ๑ เดือน สวดได้ ไม่ยากเลย แล้วได้ผลดีมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น